ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย 2 (อังกฤษ: The Amazing Race Asia 2) เป็นปีที่สองของรายการเรียลลิตี้โชว์ทางโทรทัศน์ที่ชื่อ ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย รายการนี้จะมีผู้เข้าแข่งขัน 10 ทีม ทีมละ 2 คนซึ่งรู้จักกันมาก่อนแล้ว ทำการแข่งขันโดยเดินทางรอบโลก โดยทีมที่ชนะจะได้รับเงินรางวัล 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับซีซั่นนี้เริ่มออกอากาศตอนแรกทางช่องเอเอกซ์เอ็น ในวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 เวลา 21 นาฬิกา (เวลา UTC+8) และตอนสุดท้ายออกอากาศในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 เวลา 21 นาฬิกา (เวลา UTC+8)
ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย 2 มีการเดินทางคิดเป็นระยะทางประมาณ 50,000 กิโลเมตร (32,023 ไมล์) ใน 24 วัน รวมถึงไม่ได้มีการตั้งชื่อตอนแต่ละตอนที่ออกอากาศด้วย และมีการเดินทางผ่านทั้งหมด 4 ทวีป สำหรับการแข่งขันครั้งนี้มีการนำกติกาใหม่บางส่วนของเวอร์ชันอเมริกา มาใช้ เช่นกฎ Marked As Elimination (ทีมที่เข้าจุดพักเป็นลำดับสุดท้ายในเลกที่ไม่มีการคัดออกจะต้องเข้าเป็นที่หนึ่งในเลกถัดไป มิฉะนั้นจะถูกปรับเวลา 30 นาทีแทน) โดยในฤดูกาลนี้ ทางผู้ผลิตรายการพยายามได้พยายามให้มีการแข่งขันกันมากขึ้น โดยให้มีการขับรถด้วยตัวเองมากขึ้น และพยายามลดโอกาสในการขึ้นเครื่องบินในเที่ยวบินเดียวกันของผู้เข้าแข่งขันลง
สำหรับซีซั่นนี้ (และ ซีซั่นที่ 3) มีบทลงโทษที่แตกต่างกันสองประการ สำหรับทีมที่เข้ามาเป็นลำดับสุดท้ายในเลกที่ไม่มีการคัดออก ขณะที่เอ็ดวินกับโมนิก้าถูก Marked As Elimination เนื่องจากเข้ามาเป็นทีมสุดท้ายในเลกแรกซึ่งไม่มีการคัดออก เทรี่กับเฮนรี่ถูกยืดเงินเนื่องจากเข้าเป็นลำดับสุดท้ายในเลก 6 ที่ไม่มีการคัดออกเช่นกัน และจะไม่ได้รับเงินใช้ในเลกต่อไป โดยผู้เข้าแข่งขันไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้าว่ากฎเรื่องการยืดเงินในกรณีนี้ยังคงมีการใช้อยู่ เรื่องของการเปลี่ยนกฎมาใช้กฎการยืดเงินนี้นำไปสู่การถกเถียงกันระหว่างเฮนรี่กับพิธีกร อลัน วู ที่จุดหยุดพักที่โซล, เกาหลีใต้ ในเลก 6 ที่ทีมเดิมจะไม่ให้เงินคืนกับอลัน และในเลกต่อมาเทรี่กับเฮนรี่ก็ได้พบกับบทลงโทษเดิมในการแข่งขันครั้งนี้ (Marked As Elimination) หลังจากพวกเขาเข้ามาเป็นลำดับสุดท้ายอีกครั้ง โดยรวมฤดูกาลนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเนื่องจากการลงทุนที่เดินทางไกลผ่าน 4 ทวีปทำให้เป็นสถานที่ที่แตกต่างกันมากๆ รวมถึงมีผู้เข้าแข่งขันที่เป็นดาราเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ฤดูกาลนี้มีผู้ชมที่มากกว่าเดิมในฤดูกาลที่ 1 เป็นอย่างมาก
ซีซั่นนี้มีผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 10 ทีม จากผู้สมัครกว่า 2,500 คน ซึ่งผู้สมัครนี้ก็มีผู้เข้าแข่งขันที่เคยแข่งขันในเวอร์ชันสหรัฐอเมริกา รวมอยู่ด้วย คือ เค็นกับวิกซัน ที่ได้รับเลือกให้แข่งในฤดูกาลที่ 12 ของเวอร์ชันสหรัฐฯ ซีซั่นนี้ปิดรับสมัครในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2550 (เป็นเวลาที่ขยายแล้ว 2 สัปดาห์จากกำหนดเดิม) ในการแข่งขันครั้งนี้ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นสามารถเข้าร่วมได้ หลังจากถูกห้ามในซีซั่นที่ 1 การสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายมีขึ้นในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม พ.ศ. 2550 และการถ่ายทำมีขึ้นในช่วงเดือน มิถุนายนถึงกรกฎาคม ในปีเดียวกัน
ในซีซั่นนี้ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 10 ทีมนั้นมีทีมที่เป็นทีมพี่น้องที่กลับมารวมตัวกัน เพื่อนสมัยเด็กและคู่เดท เอเดรียนเป็นผู้เข้าแข่งขันคนแรกของดิ อะเมซิ่ง เรซทุก ๆ ฤดูกาลทั้งของสหรัฐอเมริกาและเอเชีย ที่มีปัญหาทางการได้ยิน ซีซั่นนี้ยังมีการนำเสนอผู้เข้าแข่งขันที่เป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายคน โมนิก้า โล เคยเป็นตัวแทนของเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา เข้าประกวด Miss Chinese International Pageant ปี 1997 และเธอก็ชนะการประกวดด้วยพอลล่า เทเลอร์ เป็นนางแบบ นักแสดง และวีเจทางช่องแชนแนลวีไทยแลนด์ พาเมล่า และ วาเนสซ่า ชอง เป็นน้องสาวของ วินซ์ ชอง นักร้องมาเลเซียที่มีชื่อเสียง คินาร์โยชิ (หรือ คินาร์) เป็นนักแสดงและนางแบบชาวอินโดนีเซีย เธออยู่ในโฆษณาโทรทัศน์และภาพยนตร์ของอินโดนีเซีย โดยเคยได้รับรางวัล Citra award สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในปี พ.ศ. 2549 นอกจากนี้ยังเคยเข้าร่วมแข่งขันในรายการ Seleb Dance และรายการเดียวกันของอินเดีย Nach Baliye อีกทั้งยังชนะการแข่งรายการ Fear Factor Indonesia ด้วย โซฟีเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ ให้กับ ดิสคัฟเวอรี แชนแนลอีกด้วย และเป็นนักข่าวในงานภาพยนตร์อาเซียนอีกด้วย มาร์ค เนลสัน เป็นนายแบบ และหนึ่งในพิธีกรรายการกีฬา Sports Unlimited ในช่อง ABS-CBN ของฟิลิปปินส์ ขณะที่เพื่อนร่วมทีม โรวิลสัน เฟอร์นันเดส เป็นพิธีกรรายการกีฬา Gameplan เป็นบรรณาธิการบริหารของนิตยสาร Maxim ฉบับของฟิลิปปินส์ และทั้งคู่ก็เป็นพิธีกรรายการ The Duke ทางAXN (เลิกออกอากาศแล้ว)
ในซีซั่นนี้มีผู้เข้าแข่งขันเพียง 2 คนที่ไม่ใช่ชาวเอเชียแท้ ๆ ซึ่งก็คือ เฮนรี่ รี้ด เขาเป็นนาวิกโยธินสหรัฐในตำแหน่ง Senior Chief Petty Officer ที่เกษียณอายุแล้ว ปัจจุบันอาศัยอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ โดยแข่งคู่กับภรรยาชาวฟิลิปปินส์ ตรินิแดด (รู้จักกันในชื่อเทรี่) และอีกคนหนึ่งคือ ออเรเลีย เชนาท เดิมเธอมาจากประเทศฝรั่งเศส แต่ปัจจุบันอาศัยและเป็นตัวแทนของประเทศฮ่องกง โดยแข่งคู่กับโซฟี เต็ง ซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ แต่แข่งขันในตัวแทนของประเทศฮ่องกงเช่นกัน และเนื่องจากการแข่งขันในฤดูกาลนี้มีผู้ที่มีชื่อเสียงเป็นส่วนใหญ่จึงน่าจะเป็นการดึงให้มีผู้ชมมากขึ้น
ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย 2 มีผู้สนับสนุนหลัก 6 บริษัท (อาวีว่า, คาลเท็กซ์, โนเกีย เอ็นซีรีส์, โซนี่, บินตาน ลากูน รีสอร์ต และ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด) ผู้สนับสนุนมีบทบาทสำคัญแข่งขันโดยให้รางวัล หรือในบางภารกิจของการแข่งขัน ก็จะมีสิ่งที่เกี่ยวกับบริษัทผู้สนับสนุนเหล่านี้อยู่ด้วย ฤดูกาลนี้มีการออกอากาศตอนพิเศษ 2 ตอน คือ Racers Revealed ที่ออกอากาศ 3 สัปดาห์ก่อนการแข่งขันจะออกอากาศ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแนะนำตัวผู้เข้าแข่งขันและการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขัน และ Memories ที่ออกอากาศ 1 สัปดาห์หลังจากตอนสุดท้ายออกอากาศ มีเนื้อหาเกี่ยวกับความทรงจำของผู้เข้าแข่งขันในระหว่างการแข่งขัน และไฮไลต์ของการแข่งขัน ซึ่งคล้ายกับที่เคยทำใน ซีซั่นที่ 1
ตารางแสดงชื่อ ความสัมพันธ์ของผู้แข่งขันในขณะถ่ายทำของแต่ละทีมพร้อมทั้งแสดงสถานะในการแข่งขัน ดังนี้ (ตารางนี้อาจไม่ได้แสดงข้อมูลที่ตรงกับข้อมูลที่ออกอากาศในโทรทัศน์เนื่องจากข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาบางส่วนในภายหลัง หรือข้อมูลที่ถูกนำออกไปบางส่วน)
หมายเหตุ 1: เบร็ทท์กับคินาร์โยชิไม่สามารถที่จะทำภารกิจ Detour ให้สำเร็จได้ในเลกที่ 3 เนื่องจากทั้งคู่เลิกทำ Detour “กำแพง” และจะเดินทางไปทำอีก Detour หนึ่ง แต่ทั้งคู่ไปถึง North Shore Rowing Club ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานทางแยกอีกงานหนึ่ง เมื่อมันปิดทำการแล้ว และทีมอื่นก็เข้าจุดพักทั้งหมดแล้ว ทีมงานจึงให้เดินทางไปจุดพักได้เลย เพื่อประกาศให้ถูกคัดออกจากการแข่งขันหมายเหตุ 2: โซฟีกับออเรเลียไม่สามารถที่จะทำทั้งภารกิจ Roadblock และ Detour ในเลกที่ 4 ให้สำเร็จได้ เนื่องจากทั้งคู่ไปถึงน้ำตก Okere เมื่อมันปิดการให้บริการแล้ว พิธีกรจึงได้เดินทางไปหาและประกาศให้ถูกคัดออกจากการแข่งขันหมายเหตุ 3: เลกที่ 5 เป็น Double-Length Leg ซึ่งแบ่งการออกอากาศเป็น 2 ตอนหมายเหตุ 4: เทรี่กับเฮนรี่ใช้กฎการ Yield สั่งพักทีมโรวิลสันกับมาร์ค ซึ่งโรวิลสันกับมาร์คนั้นได้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว การสั่งพักนี้จึงเป็นโมฆะหมายเหตุ 5: ที่จุดพัก เอเดรียนกับคอลลิน และวาเนสซ่ากับพาเมล่า ได้จอดรถผิดที่ โดยไม่ได้จอดที่ลานจอดรถที่ทางรายการจัดไว้ให้ รวมถึงเดินเข้าผิดประตู จึงต้องกลับไปจอดตรงที่ที่ทางรายการจัดไว้ให้ และเดินเข้าประตูให้ถูกต้อง อย่างไรก็ดีความผิดพลาดนี้ไม่ส่งผลต่อลำดับของทีมทั้งหมด
ทางแแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง กล้า (Dare) และ บันได (Stair) โดยทีมที่เลือก Dare จะต้องขึ้นลิฟท์ 45 ชั้น ขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึกซันเท็คทาวเวอร์ 3 และไต่เชือกที่มีอุปกรณ์ป้องกันไปยังตึกซันเท็คทาวเวอร์ 4 โดยเชือกจะอยู่เหนือจากพื้นดิน 181 เมตร ส่วนทีมที่เลือก Stair จะต้องเดินขึ้นบันได 45 ชั้นขึ้นไปบนยอดตึกซันเท็คทาวเวอร์ 3 และกลับลงมาเพื่อไปเดินขึ้นบันไดอีก 45 ชั้นที่ตึกซันเท็คทาวเวอร์ 4
อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกหนึ่งคนของแต่ละทีมจะต้องบังคับควายให้เดินไถนาไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ให้ถูกต้อง โดยเส้นทางดังกล่าวมีลักษณะเหมือนรูปร่างของเลข 8 ซึ่งมีเสาและธงประดับเส้นทางปักอยู่ โดยที่ทุกคนจะได้เรียนวิธีการบังคับควายเบื้องต้นโดยใช้เสียง จากคนท้องถิ่น ระหว่างการบังคับควาย ถ้าใครขอความช่วยเหลือ จะต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ ส่วนทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง ส้นเท้า (Heel) และ ล้อ (Wheel) โดยทีมที่เลือก Heel จะต้องจับคู่รองเท้า 250 คู่ โดยที่รองเท้าทั้งหมดจะกองรวมกันอยู่ไม่เป็นระเบียบ ส่วนทีมที่เลือก Wheel จะต้องประกอบรถจักรยานให้ถูกต้องจากชิ้นส่วนต่างๆที่เตรียมไว้ให้
อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกคนหนึ่งของแต่ละทีมจะต้องกระโดดบันจีจัมพ์สูง 40 ฟุต (131 เมตร) จากสะพานอ่าวออกแลนด์ ส่วนทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง กำแพง (Wall) และ คานู (Waka) โดยทีมที่เลือก Wall จะต้องไปปีนผาเทียมที่ศูนย์รำลึกสงครามยามว่างเบอร์เคนเฮด โดยสมาชิกแต่ละทีมจะต้องปีนคนละหนึ่งครั้ง เพื่อหยิบธงให้ได้คนละอัน และสมาชิกคนหนึ่งจะต้องปีนขึ้นไปหยิบธงอีกครั้ง (รวมหยิบธงทั้งหมด 3 อัน) ก่อนที่จะได้คำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือก Waka จะต้องพายเรือ Waka ไปรอบ ๆ ทะเลสาบปูปูกี และเก็บธงให้ได้ครบทั้ง 3 อัน แล้วกลับมารับคำใบ้ต่อไป
อุปสรรคในเลกนี้สมาชิก 1 คนของทีมจะต้องลงไปในบ่อน้ำพุร้อนที่อุณหภูมิ 40?C (104?F) แล้วหาแท่งไม้ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป ทางแยกในเลกนี้ทีมจะต้องเลือกระหว่าง Flax กับ Sticks ใน Flax ทีมจะต้องพับใบไม้และสารกันคล้ายถักเปียตามรูปแบบของชาวพื้นเมืองที่ให้ไว้เสร็จก่อนที่จะได้รับคำใบถัดไป ใน Sticks ทีมจะต้องเล่นโยนไม้ตามแบบฉบับประเพณีของชาวพื้นเมือง โดยจะต้องโยนให้ถูกต้องและห้ามหล่นโดยเด็ดขาด ถ้าหล่นจะต้องเริ่มเล่นใหม่ เมื่อเล่นครบรอบตามที่กำหนดแล้วจะได้รับคำใบถัดไป
ทางแยกแรกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง Catch It และ Cart It โดยทีมที่เลือก Catch It จะต้องจับปลาทอง 40 ตัวโดยใช้ที่ตักที่ทำจากกระดาษสา ที่เมื่อโดนน้ำกระดาษจะขาดและทำให้ตักต่อไปไม่ได้ สำหรับทีมที่เลือก Cart It ทีมจะต้องหาร้านซักแห้งที่กำหนดให้และนำชุด ยูกาตะ ไปส่งให้ลูกค้า ณ ที่อยู่ที่กำหนดให้ อุปสรรคแรกในเลกนี้ สมาชิกของทีมหนึ่งคนจะต้องถอดรหัสปริศนาที่ซ่อนอยู่ในก้อน น้ำแข็ง ซึ่งคำตอบนั้นเป็นชื่อของหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (เมืองฟุกุโอะกะ) เมื่อสมาชิกคนนั้นสามารถหาคำตอบได้ เจ้าหน้าที่จึงจะให้คำใบ้ต่อไป
ทางแยกที่สองในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง Slither และ Deliver โดยทีมที่เลือก Slither จะต้องไปที่ตลาดปลา Jugalchi ที่พวกเขาจะต้องหาถังเลี้ยงปลาที่กำหนดให้ที่เต็มไปด้วยปลาหมึก ทีมจะต้องหยิบเหรียญ อายุ 100 ปีของเกาหลีจากก้นถังและนำขึ้นมา ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป สำหรับทีมที่เลือก Deliver ทีมจะต้องส่งอาหาร 6 กล่องไปยัง 3 สถานที่ที่แตกต่างกัน โดยที่อยู่ของผู้รับในบางสถานที่เป็นที่อยู่ที่ไม่ชัดเจน ที่อาจก่อให้เกิดความสับสนได้ อุปสรรคที่สองในเลกนี้ ทีมจะต้องไปที่สวน Yougdusan แล้วหาคนเฝ้าประตู สมาชิกของทีมหนึ่งคนจะได้รับกุญแจ โดยสมาชิกคนนั้นจะต้องไขแม่กุญแจให้ถูกต้องก่อนที่คนเฝ้าสวนจะให้คำใบ้ต่อไป หากทีมทำกุญแจหัก ทีมจะต้องเริ่มต้นใหม่
อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกคนหนึ่งของแต่ละทีมจะต้องคำใบ้ซึ่งซ่อนอยู่ในโอ่งถั่วเหลือง โดยในบริเวณนั้นมีโอ่งทั้งหมด 1,500 ใบ โดยจะมีคำใบ้อยู่ซองหนึ่งที่มีเงินพิเศษจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมูลค่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง Too Ho และ Too Heavy โดยทีมที่เลือก Too Ho จะต้องเล่นเกมพื้นเมืองของเกาหลี ซึ่งต้องขว้างแท่งไม้ไผ่ 3 แท่งให้ลงกระบอกซึ่งอยู่ห่างไป 4.5 เมตร ส่วนทีมที่เลือก Too Heavy จะต้องขนฟืน 30 ท่อนด้วยเครื่องมือแบบท้องถิ่นไปยังจุดที่กำหนดให้
อุปสรรคในเลกนี้สมาชิก 1 คนของทีมจะต้องสวมชุดเกราะทหารโบราณและตามหาเจ้าหญิงที่อยู่บริเวณวังคินสกี้และยื่นใบส่งสารว่ามารับคำใบ้ ก่อนที่จะได้คำใบ้ต่อไป ในทางแยกของเลกนี้ทีมจะต้องเลือกระหว่าง Bow หรือ Blow สำหรับ Bow ทีมจะต้องยิงธนูให้เข้าเป้า 3 สีคือ เหลือง แดง ขาว โดยใช้ลูกธนูโบราณก่อนที่จะได้คำใบถัดไป ส่วน Blow ทีมจะต้องเดินทางไปยังโรงงานผลิตแก้วและเจียรไนก้นแก้วให้เป็นลายดาว 5 แฉกก่อนที่จะได้รับคำใบ้ถัดไป
ทางแยกในเลกนี้ ทีมที่จับคู่กันจะต้องเลือกระหว่าง ถ่ายรูป (Snap) และ กลิ้งถัง (Roll) โดยทีมที่เลือก Snap จะต้องไปถ่ายรูปสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของปราก 3 แห่งตามที่กำหนดไว้ แล้วนำภาพมาให้เจ้าหน้าที่เพื่อรับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือก Roll ทีมจะต้องไปที่ร้านเบียร์ ที่กำหนด เมื่อไปถึงจะต้องกลิ้งถังเบียร์ 2 ถัง แต่ละถังมีปริมาตร 50 ลิตร (13 แกลลอน) นำไปส่งที่สถานที่ที่กำหนดให้ (Admiral Botel) ส่วนอุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกคนหนึ่งของแต่ละทีมจะต้องขึ้นไปบนกระดานสูง 10 เมตร แล้วกระโดดน้ำลงมาที่สระ ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป
ทางแยกในเลกนี้แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง โยน (Pitch) และ ดึง (Pull) โดยทีมที่เลือก Pitch จะต้องบรรทุกฟางกองใหญ่ใส่ในรถลา แล้วสวมตนเองเป็นคนขับรถลาท้องถิ่น พารถลาไปส่งที่ฟาร์มที่อยู่ใกล้ ๆ สำหรับทีมที่เลือก Pull จะต้องรีดนมแพะ ให้ได้ 200 มิลลิลิตร (7 ออนซ์) แล้วพาแพะกลับเข้าคอกก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกหนึ่งคนในแต่ละทีม จะต้องค้นหาเลขหลายจำนวนที่เมื่อรวมกันแล้วจะได้ 1,000 ที่อยู่ใน Extreme Canopy ท่ามกลางสุนัขจิ้งจอกบิน (Pteropus) อันเป็นอุปสรรคค้นหา สมาชิกคนใดที่ตอบจำนวนที่รวมกันแล้วถูก (1,000) จะต้องกลับไปเริ่มใหม่ และหากมีทีมใดรอตอบอยู่ก่อนแล้ว ทีมนั้นจะถูกส่งไปต่อแถวใหม่ และต้องรอจนกว่าจะถึงช่วงของเขา ทีมที่อยู่ข้างหน้าทำสำเร็จ หรือทีมที่อยู่ข้างหน้าต้องกลับไปเริ่มใหม่
ทางด่วนในเลกนี้ ทีมที่เลือกทำจะต้องนับรั้วบนสะพาน Erzs?bet ซึ่งที่ปลายสะพานอีกข้างหนึ่งจะมีตู้เซฟตั้งอยู่ จำนวนรั้วบนสะพานก็คือรหัสเปิดตู้เซฟ เมื่อทีมที่เลือกทำนับจำนวนรั้วเสร็จแล้วก็ต้องเปิดตู้เซฟด้วยรหัสที่นับมาได้เพื่อรับคำใบ้ที่อยู่ในตู้เซฟ อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกหนึ่งคนของแต่ละทีมจะต้องถือโคม แล้วลงไปค้นหาคำใบ้ซึ่งซ่อนอยู่ในหีบใบใดใบหนึ่งในอุโมงค์เขาวงกตที่มืดและวกวนในปราสาทบูดา ส่นทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง พูด (Say It) และ เล่น (Play It) โดยทีมที่เลือก Say It จะต้องออกเสียงผู้ปกครองของฮังการี 14 คนให้ถูกต้อง ซึ่งในบริเวณ Heroes' Square จะมีรูปปั้นพร้อมชื่อของบุคคลเหล่านั้นตั้งอยู่ ส่วนที่ที่เลือก Play It จะต้องเล่นลูกรูบิกให้มีสีอยู่ด้านเดียวกันให้ครบ 6 ด้าน(โดยทีมได้รับคำแนะนำให้เล่นทีละด้าน และแต่ละคนเล่นคนละด้านให้ได้สีเดียวกัน)
อุปสรรคในเลกนี้สมาชิก 1 คนของทีมจะต้องขับรถสูตร 1 โดยขับแปดรอบติดต่อกันภายใน 7 นาทีและเมื่อขับไป 4 รอบให้เข้าจุดตรวจแต่ถ้าทำเวลาเกิน 7 นาทีจะต้องถูกทำโทษ 5 นาทีแล้วจึงไปเริ่มทำอุปสรรคใหม่ ทางแยกในเลกนี้ทีมจะต้องเลือกระหว่าง In One End กับ Out The Other สำหรับ In One End ทีมจะต้องขนฟางและอาหารสำหรับช้างจำนวน 100 กิโลกรัม (220 ปอด์น) เมื่อคนงานนับจำนวนที่ถูกต้องแล้วจึงจะได้รับคำใบ้ถัดไป สำหรับ Out The Other โกยอุจจาระช้างจำนวน 1 คอกแล้วนำไปตากแดดทำเป็นปุ๋ยก่อนที่จะได้รับคำใบ้ถัดไป
ในทางแยกของเลกนี้ทีมจะต้องเลือกระหว่าง Search กับ Assemble ใน Search ทีมจะต้องหาหินที่มีสีเหลืองและจุดสีแดงอยู่ตรงกลางจำนวน 3 ก้อนจากหินหลากสีต่างๆ จำนวนหลายหมื่นก้อนก่อนที่จะได้รับคำใบ้ถัดไป ส่วนใน Assemble ทีมจะต้องประดิษฐ์วิทยุเล็กๆ จากของเล่นที่พังแล้ว โดยจะมีแบบให้และจะต้องเปิดใช้งานได้ เมื่อทีมทำสำเร็จจะได้รับคำใบถัดไป อุปสรรคสุดท้ายสำหรับการแข่งขัน สมาชิกคนหนึ่งของทีมจะต้องปักธงเรียงประเทศที่ได้เดินทางไปแข่งขันมาทั้งหมด 10 ประเทศจึงจะได้รับอนุญาตให้ไปรับคำใบถัดไป ซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายไปสู่เส้นชัย